รายการ ชลรัศมีกับวีไอพี คุยกับ พระนักเทศน์นักพัฒนา พระราชวัชรบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดจากแดง

วันนี้ รายการ ชลรัศมีกับวีไอพี ทางช่องอมรินทร์ทีวี จะพาคุณผู้ชมไปเรียนรู้ แนวคิดการเปลี่ยนขยะให้เป็น “เงิน” กับพระนักเทศน์นักพัฒนา “พระราชวัชรบัณฑิต” (ประนอม ธมฺมาลงฺกาโร) เจ้าอาวาสวัดจากแดง ผู้ริเริ่มไอเดียเปลี่ยน “ของเหลือใช้” ให้เป็น “ประโยชน์” ต้นแบบในการบริหารจัดการขยะที่ถูกวิธี ห้ามพลาด!!! ดำเนินรายการโดย คุณชลรัศมี งาทวีสุข  วันเสาร์นี้ เวลา 9.30 -10.00 น. ทางอมรินทร์ทีวี HD 34 หรือ Live สด ผ่านทางแฟนเพจรายการ  ชลรัศมีกับวีไอพี

 

เพจเฟซบุ๊ก ชลรัศมีกับวีไอพี

ช่วงที่ 1

คุณชลรัศมีได้มาสัมภาษณ์และถ่ายทำรายการ และได้มีโอกาสเข้ากราบนมัสการพระราชวัชรบัณฑิต เพื่อสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ โดยก่อนหน้านั้นก็เคยได้เข้ามาพูดเรื่องเกี่ยวกับจีวรที่ทำมาจากขวดพลาสติกมาก่อนแล้ว ปัจจุบันทางวัดก็เริ่มรู้จักมากขึ้นจากการที่มีจีวรที่ทำมาจากขวดพลาสติก คนในชุมชนรอบวัดจากแดงก็จะเรียกวัดจากแดงว่า บ้าน เพราะมีความรักความผูกพันกับที่วัด ซึ่งเป็นแหล่งสร้างกิจกรรมที่เชื่อมกับชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ มาฟังเทศน์ มาสวดมนต์ มาทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการรีไซเคิลขยะก็เข้ามาทำได้

พระราชวัชรบัณฑิต ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้มาตั้งแต่ปีพศ. 2548 หรือ 17 ปี แล้ว ก่อนหน้านี้ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ อยู่ที่นั่นก็ช่วยสอนช่วยทำตำรา สอนที่วัดมหาธาตุ สอนที่โรงพยาบาลศิริราช สอนที่สำนักงานกฤษฎีกา สอนที่ธรรมศาสตร์ สอนที่วัดเบญจมบพิตร และก็ช่วยเรื่องโดรงการปลูกรากแก้วของวัดพระรามเก้า และโอกาสไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่พม่าด้วย โดยเกิดขึ้นในช่วงที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ ผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อวงการสงฆ์ไทย ท่านได้จัดโครงเพื่อการส่งเสริมอุดมการณ์สามเณรพระธรรมทายาท(สามเณรใจสิงห์) ไปศึกษาต่อที่พม่าแล้วกลับมาพัฒนาการเรียนการสอนแบบเจาะลึกเข้มข้น

เปลี่ยนขยะเป็นเงิน

ส่วนการเริ่มต้นงานด้านการพัฒนาวัดที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนั้น เริ่มมาตั้งแต่ปี 2548 โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการขยะ ท่านเจ้าคุณเล่าว่า ผู้คนมักจะมองสิ่งของที่ใช้แล้วทิ้งเป็นขยะ คำนิยามนี้ยังใช้กับสิ่งมีชีวิต เช่น สุนัขจรจัด ตอนนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดจากแดง ใหม่ ก็พบปัญหาขยะอันแรกเลยก็คือ ขยะที่มีชีวิต หรือ สุนัขจรที่คนเอามาทิ้งที่วัด โดยใช้เวลา 2 ปีแก้ปัญหาสุนัขกว่า 300 ตัว แมว 79 ตัว โดยย้ายไปยังศูนย์รับดู และสนับสนุน ช่วยดูแล ทำหมัน บริจาคอาหารสุนัขและแมวให้ที่ศูนย์ ต่อมาก็พบว่ายังมีปัญหาขยะที่ไม่มีชีวิตเป็นขยะที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เช่นขยะ ถุงพลาสติก โฟม เศษอาหารต่าง ๆ ซึ่งเศษอาหารที่เกิดจากกิจกรรมเหล่านั้นก็แก้ไขด้วยการทำปุ๋ยหมัก จากเศษอาหาร ก็คือเป็นโครงการแรก ๆ ที่มีเปลี่ยนขยะให้เป็นประโยชน์

ปัจจุบันนี้ ทางวัดก็ได้พัฒนากิจกรรมที่ร่วมมือกับชุมชน จนสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ ออกมาจำหน่ายเพื่อหารายได้หล่อเลี้ยงกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ตราใบจาก มีหลายขนาด 1 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 60 บาท ก็เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำมาจากเศษอาหารเศษผัก ไม่มีดินผสม

เนื่องจากที่วัดจะมีญาติโยมมาทำบุญ ถวายภัตตาหาเช้าและเพล แด่พระภิกษุ สามเณร ก็จะหอบหิ้วปิ่นโตสังฆทาน ซึ่งกิจกรรมนี้ก็จะทำให้เกิดมีขยะจากเศษอาหาร และขยะพลาสติก ปะปนกัน เราก็สอนให้คนที่มารู้จักแยกขยะแต่ละชนิดออกจากกันก่อนทิ้งลงในถังขยะที่จัดเตรียมไว้ให้ จากนั้นเขาก็จะได้เรียนรู้ว่า ขยะที่ได้คัดแยกเหล่านี้ก็คือ กลายไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าที่สร้างมูลค่าได้ในที่สุด

ช่วงที่ 2

พระราชวัชรบัณฑิต ท่านเจ้าอาวาสวัดจากแดง ผู้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดการขยะ ให้สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพใหักับคนในชุมชนโดยรอบวัด เป็นค่าแรงงานที่เขามาช่วยงานต่าง ๆ ภายในวัด หรือบ้างก็ต้องการปุ๋ยไปปลูกผักเองที่บ้าน ก็มาแบ่งไป หรือจะมารับปุ๋ยไปจำหน่ายก็สามารถเข้ามาติดต่อได้ สำหรับใครที่สนใจจะมาเรียนรู้ แล้วนำความรู้กลับไปทำเองที่บ้านก็สอนให้ฟรี

การคัดแยก ขยะเปียก ขยะมูลฝอย ให้เกิดประโยชน์

ขยะเปียก ได้แก่ เศษอาหาร เศษใบไม้แห้ง ใส่เข้าเครื่องบด เช่น เปลือกทุเรียน จะมีคนนำมาส่งให้ทุกวัน วันละ 20-30 เข่ง พอบดเสร็จ ก็จะนำไปหมักในถังหมัก แล้วนำไปบรรจุถุงจำหน่ายต่อไป

ขยะมูลฝอย ได้แก่ ขยะพลาสติก ขวดแก้ว เศษวัสดุเหลือใช้ ต่าง ๆ ที่มีผู้บริจาคนำมาสั่งให้ ก็จะถูกเก็บข้อมูล นำขึ้นตาชั่ง ว่าขยะแต่ละชนิดรวมได้กี่กิโลกรับ โดยให้ผู้บริจาคได้ลงชื่อไว้ให้ด้วย จากนั้นชาวบ้านที่มาทำงานที่วัดก็จะช่วยกันคัดแยก ฝา แยกสีของขวด เช่น สีขาวใส (เกรด A) ก็สามารถนำไปผสมทำเป็นผ้าได้ทุกชนิด หากเป็นขวดสีฟ้าใส (เกรด B) ก็จะนำไปทำได้แต่ผ้าดำอย่างเดียว ขวดเหล่านี้ก็จะถูกบีบอัด จัดเก็บไว้รอนำไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป

พระราชวัชรบัณฑิต คุณชลรัศมี

ผ้าจีวรที่พระราชวัชรบัณฑิตสวมใส่อยู่ก็ทำมาจาก ขยะมูลฝอย โดยการผสมเส้นใยฝ้ายกับเส้นใยจากขวดพลาสติกและมีการเติมนาโนซิงค์ออกไซด์ ช่วยต้านแบคทีเรีย (เชื้อรา) โดยผ้าไตรจีวร 1 ชุด จะใช้ขวดพลาสติกใส่จำนวน 60 ใบ แต่ถ้าเป็นจีวร 1 ผืน ก็ใช้ประมาณ 15 ใบ

พระราชวัชรบัณฑิตได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักพัฒนาตัวจริง และถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ เหล่านี้ไปสู่ชุมชนโดยรอบวัด โดยเปิดเป็นศูนยการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมวัดจากแดง ให้ผู้คนจากแหล่งอื่น ๆ เดินทางเข้ามาศึกษา ดูงาน ได้ด้วย ปกติก็จะเป็นนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ พระสงฆ์ก็มาศึกษาเรียนรู้แล้วนำกลับไปพัฒนาต่อที่วัดของตนเองได้ด้วย

 

ช่วงที่ 3

ภายในอุโบสถ พระราชวัชรบัณฑิตให้สัมภาษณ์ ว่า ภาพวาดบนผนัง ที่เล่าเรื่องราวของพุทธประวัติ และเจดีย์สำคัญ ๆ ในแต่ละประเทศ มีอะไรบ้าง ผู้ที่เข้ามาชมจะสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เพียงใช้อุปกรณ์มือถือ แสกน QR Code ก็จะมีเสียงบรรยายให้ทั้งหมด

ในอีกบทบาทของพระราชวัชรบัณฑิต ก็คือ ท่านเป็นพระนักเทศน์ เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการสอนพระไตรปิฎก โดยก่อนการเทศน์ของพระอาจารย์ทุกครั้งท่านมักจะกล่าวเสมอว่า การสวดมนต์ สำคัญมาก ๆ คือ ปกติคนเราจะสวดมนต์ด้วยจิตที่มีเมตตาอันบริสุทธิ์ ให้ได้บุญได้กุศล แต่ถ้าจะให้ละเมียด และดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น ก็คือจะต้องสวดให้ถูกอักขระ และแปลให้ได้ด้วย หากทำได้ สวดไม่นานก็จะเห็นผลเร็ว ดังนั้นการที่เราสวดพระสูตรกันอยู่ทุกวันนี้ เราได้บุญ หากแต่ยังขาดอยู่ 2 สิ่ง คือ อักขระกับความหมาย หากทำได้ก็จะยังให้เกิดผล สัมฤทธิ์ผลทันที ท่านจึงเน้นให้ที่วัดนี้จัดการเรียนการสอน เน้นวิธีการสวด ให้ถูกอักระ คือ ฝึกออกเสียงให้ชัดทุกตัวอักษร และผู้เรียนจะต้องแปลความหมายได้ด้วย


โพสที่เกี่ยวข้อง