พระธรรมทายาทต้นแบบ พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร วัดจากแดง

พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ พระธรรมทายาทต้นแบบ รุ่นภิกษุใจสิงห์ ในโครงการสร้างพระธรรมทายาทนักพัฒนาสร้างเสริมสังคมสุขภาวะ “พระธรรมทายาท ประกาศสัจจธรรม เพื่อเป็นอาจริยบูชา ปัญญานันทภิกขุ ๒๕๕๙ – ๒๕๖๑” เผยแพร่ โดย WBTV (World Buddhism Television) วัดยานนาวา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อ ๑๖ ธันวามคม ๒๕๖๑

 

วันเวลาเปลี่ยน สังคมผู้คนเปลี่ยนแปลงไป หลงติดในวัตถุนิยม ติดอบายมุข ห่างไกลพระพุทธศาสนา ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ พระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ จึงจัดการอบรมพระสงฆ์ เพื่อให้สามารถนำความรู้ เผยแผ่หลักธรรมคำสอนแก่ประชาชน นำสันติสุขสู่สังคมไทย โดยใช้ชื่อโครงการว่า โครงการ อบรมพระธรรมทายาท ทำการอบรมอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ พ.ศ ๒๕๒๔ ถึง๒๕๔๓ มีพระธรรมทายาทผ่านการอบรมทั้งสิ้น ๑,๘๖๒ รูป สามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนา ให้เข้าถึงประชาชนได้กว่า ๒ ล้านคน และพระธรรมทายาทที่ผ่านการอบรมแล้ว ก็มีเอกลักษณ์การเผยแผ่ ที่โดดเด่น แตกต่างกันไป ตามบริบทของพื้นที่ ตามศักยภาพที่ได้รับการฝึกฝนอบรมมา ของพระแต่ละรูป

พระธรรมทายาท จึงเป็นผู้ทำหน้าที่สืบทายาทโดยธรรม ดังที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเป็นทายาทของเราเถิด อย่าเป็น อามิสทายาท เลย เพราะเราก็มีความเป็นอยู่ในเธอทั้งหลายอยู่ว่า ทำอย่างไรหนอ สาวกทั้งหลายของเรา จะพึงเป็นธรรมทายาท ไม่เป็นอามิสทายาท”

 

พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร เจ้าอาวาสวัดจากแดง

“การที่จะเป็นศาสนทายาท ทายาทของพระศาสนา หรือที่สูงสุดก็คือ ธรรมทายาท เป็นทายาทโดยธรรม”

จริงๆคือ การที่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล แต่ตอนนี้ ถึงยังไม่ได้บรรลุ แต่การได้มาศึกษาเล่าเรียนก็ดี การฝึกหัดปฏิบัติก็ดี การเผยแผ่ก็ดี นั่นก็ถือว่า ได้ทำตามแนวทางของธรรมทายาท ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้

“การเผยแผ่ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่ไม่เห็นแก่บุคคลว่า บุคคลนั้นจะเป็นใครมาจากไหน”

เมื่อเอาความถูกต้องเข้าไปปรารภแล้ว ก็คือ กล้าพูดกล้าแสดงในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าพูดกล้าแสดงตามพระธรรมวินัยในพระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันนี้คือสิ่งที่หลวงพ่อปัญญาได้นำเสนอ

“ตอนนี้บางทีอาตมาพูดที่นี่ทีเดียว แต่มันดังไปถึง ๑๐ ประเทศ เพราะว่า พระมาจากต่างประเทศ ๑๐ ประเทศ ได้มาเรียนรู้อยู่ตรงนี้”

เพราะว่ามีพระจากเมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย พระเหล่านั้นมาเรียนที่นี่ เมื่อเรียนจบ สิ่งที่อาตมาพูดสอน มันกระจายไปสู่แต่ละประเทศนั้นทันที ถามว่า “มันไปได้ไหม.. ไปได้ ” พระลังกา พระอินเดียมาเรียนที่นี่ด้วย ก็เอาสิ่งที่อาตมาพูด นำไปพูดต่อได้ทั้งโลกจริงๆ

กว่า ๕๓ ปี รวม ๔๑ พรรษา (เมื่อ พ.ศ.๒๕๖๑) ที่พระมหาประนอม ธัมมาลังกาโร เดินหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ และไม่เคยหยุดอยู่กับที่ หรือหันหลังให้กับงานเผยแพร่พระพุทธศาสนา ปัจจุบันพระมหาประนอม ธัมมาลังกาโร จำพรรษาอยู่ที่วัดจากแดง ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

 

วิธีการจากหลวงพ่อปัญญา

“วิธีการจากหลวงพ่อปัญญา คือ พูดธรรมะตรงประเด็น ก็คือ 1. เน้นธรรมาธิปไตย เน้นธรรมะเป็นใหญ่ ถึงผู้ใดก็ตามที่ต้องการจะได้ธรรมะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่ไม่เห็นแก่บุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร มาจากไหน แต่เมื่อเอาความถูกต้องเข้าไปปรารภแล้ว ก็คือ กล้าพูดกล้าแสดงในสิ่งที่ถูกต้องกล้าพูดกล้าแสดงตามปกติ ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันนี้คือ สิ่งที่หลวงพ่อปัญญา ได้นำเสนอ”

 

รูปแบบจากหลวงพ่อปัญญา

“รูปแบบจากหลวงพ่อปัญญา ก็คือ การเป็นศาสนทายาท ที่มีความอาจหาญ ในการแสดงธรรม”

โดยที่การแสดงธรรมอันไม่กระทบบุคคล เน้นในหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสอนอย่างไร และสังคมปัจจุบัน เป็นอย่างไร เราจะสามารถนำเอาหลักธรรม มาใช้ในการแก้ปัญหาสังคม ได้อย่างไร

 

การเผยแพร่แบบแนวรุก

“การเผยแพร่แบบแนวรุก ก็คือ ไม่เพียงแต่นั่งเทศน์อยู่เฉยๆ ต้องรุก ต้องออกไปข้างนอก ไปเทศน์เรื่องปัญหา ไปแสดงถ้อยคำอันสัมโมทนียกถาธรรม”

โดยนำปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจริง มาเป็นหลักเป็นประเด็น แล้วก็ดึงเข้าสู่ธรรมะ บอกวิธีการแก้ไข และก็จบลงด้วยการน้อมนำผู้คนมาเข้าสู่แนวทาง ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา คือ พูดแล้วลงมือทำได้เลย

ยกตัวอย่าง เช่น คนที่อยากเลิกบุหรี่ ถ้าอยากเลิกบุหรี่ ง่ายนิดเดียว ก็แค่ปล่อยมือที่คีบบุหรี่ แค่นี้มันก็หลุดแล้ว หรือปากที่คาบบุหรี่ไว้ ก็เพียงแค่อ้าปากออกบุหรี่มันก็หลุดแล้ว แค่จงกล้าที่จะทำความดี กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ผู้เทศน์ ก็ต้องกล้าที่จะเทศน์ ผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงก็ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง ลักษณะอย่างนี้แหละ ที่ได้จากหลวงพ่อปัญญาการนำเสนอตรงไปตรงมา กล้าที่แสดง กล้าที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำ กล้าที่จะปรับปรุง แล้วก็มีความทันสมัยกับกาล”

 

งานแรกของพระธรรมทายาท

เมื่อจบการอบรมพระธรรมทายาทแล้ว พระมหาประนอมก็ตั้งมั่น ในการเผยแพร่พระธรรมคำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยได้ริเริ่มที่จะพัฒนาพระภิกษุ และสามเณรในวัด ให้มีคุณภาพ โดยใช้กลยุทธ์เทคนิควิธีการต่างๆ ทั้งศึกษาพระอภิธรรม นักธรรม บาลี การฝึกให้พระและสามเณรเป็นนักพูด นักเทศน์ โดยเน้นให้พระผู้เรียน ได้ลงมือปฏิบัติ ด้วยตนเอง

“เมื่อแรกเริ่มที่ย้ายมาอยู่ที่วัดจากแดง ก็จะมีพระที่เทศน์ได้ เพียงแค่อาตมากับหลวงพ่อเจ้าอาวาส มีแค่ ๒ องค์”

นอกนั้นเป็นพระนักเรียนหมด ไม่มีใครพูดสอนได้เลย ไม่มีใครเทศน์ได้เลย เป็นพระที่มาเรียนหนังสือเฉยๆ

 

วัดจากแดง วัดสร้างพระพูดสอนได้

“สร้างพระพูดได้ ทำยังไง?” ก็คือ ให้ฝึกสัมโมทนียกถา เช้า-เพล ทุกวัน วันละ 10 นาที ตอนเช้าที่พระฉัน หรือช่วงเวลาฉันเพล ก็ให้พระได้กล่าวออกไมค์โครโฟน ย่อๆ แบบสัมโมทนียกถา สัก 10 นาที ถ้าสามารถพูดปากเปล่าได้เลยก็ให้พูด แต่หากไม่สามารถ ก็ให้เอา หนังสือธรรมะ ขึ้นมาอ่านให้ญาติโยมฟัง สิบนาที พอตอนเย็นก็ให้ฝึกอีก ฝึกพาญาติโยม สวดมนต์ทำวัตรเย็น แล้วก็บรรยายธรรมให้โยมฟัง โดยให้บรรยายแปลจากสิ่งที่สวดภาษาบาลีไปเนี่ย ที่ญาติโยมสวดกันอยู่นี้ มันคืออะไร เนื้อหามันคืออะไร ก็ฝึกบรรยายอย่างนี้ทุกวัน ทุกวัน ๆ เช้าเย็นๆ วันละ 3 ครั้ง ส่วนการเรียนของพระของโยมในห้องเรียน ก็ให้ออกมาพูด มาพรีเซนต์ ให้ใช้ไมโครโฟน ฝึกอ่าน ฝึกบรรยายหน้าชั้นเรียน

นอกจากนี้ยังเสริมทักษะให้กับผู้เรียนด้วยการจัดอบรมวิธีการนำเสนอ อบรมวิธีการเทศน์ อบรมวิธีการสัมโมทนียกถา อบรมวิธีการเหล่านี้ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ธรรมะ จากนั้นก็ให้ฝึกลงสนามจริง พอ ๒ ถึง ๓ ปี ก็จะเริ่มได้พระที่สอนเป็น พระที่เทศน์เป็นสอนเป็นในวัดก็จะหมุนเวียนสลับระหว่างช่วงการเรียนก็หาองค์ความรู้เตรียมไว้ใช้ กับช่วงที่ต้องออกไปแสดงธรรมะในวัด หรือนอกวัด นี่คือ วิธีการสร้างพระพูดได้

 

สื่อ วารสารโพธิยาลัย

ด้วยบทบาทของวัดที่เปลี่ยนไป จากในอดีตที่วัดเปรียบเสมือนศูนย์กลางของชุมชนเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน วัดได้ปรับเปลี่ยนบทบาทสู่การเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาเชิงรุก มีกลยุทธ์ในการให้ความรู้ การเทศน์ การอบรม ให้กับชุมชน และหน่วยงานองค์กรต่างๆ พระสงฆ์ปัจจุบันต้องมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองตามยุคสมัย นั่นคือสิ่งที่ธรรมะทายาทรุ่นต่อไปจะต้องปรับให้สอดคล้องกับกาล

วารสารโพธิยาลัย วัดจากแดง จัดทำขึ้นแจกฟรี ทุกเดือนๆ ละ ๕,๐๐๐ เล่ม บางเดือนก็หมื่นเล่ม แล้วแต่เดือนไหนมีคนสนใจเยอะ ส่งไปให้ตามวัด ตามเรือนจำ นักเขียนก็มาจากหลากหลายมาช่วยกันเขียนลงวารสาร ช่วยกันค้นข้อมูลมานำเสนอ การพิมพ์หนังสือวารสารนี้ก็ยังเป็นสื่อที่ใช้ประโยชน์ได้ดีอยู่ บางครั้งในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้า หรือพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็หยิบหนังสือวารสารขึ้นมาอ่านเมื่อไหร่ก็อ่านได้ทันที สิ่งสำคัญก็คือ ข้อมูลในวารสาร ในเว็บไซต์ จะต้องมีการอัพเดทอยู่ตลอดเวลา อันนี้สำคัญมากๆ ถ้าข้อมูลไม่อัพเดท ก็คือ องค์ความรู้เนี่ย “โบราณ”

 

องค์ความรู้ธรรมะ

คำโบราณกล่าวไว้ว่า “อันความรู้ รู้กระจ่างเพียงอย่างเดียว รู้ให้เชี่ยวชาญชำนาญเถิด จะเกิดผล…”

ถามว่ารู้ธรรมะชัดเจนดีอย่างเดียวจะได้ไหม คำตอบก็คือ ได้.. อย่างตอนนี้โลกของเรา กำลังเกิดปัญหามากมายอยู่นี้ ถ้าจะแก้ไข เราจะเอาธรรมะหมวดไหน ข้อใด เข้าไปแก้ ถ้าเราเข้าใจประเด็นนี้ ก็จะเข้าใจในทันทีว่า ความรู้ธรรมะ ก็คือ รู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม และรู้วิธีการแก้ไขอย่างครบองค์ เมื่อรู้ครบองค์เสร็จแล้ว ก็แก้ปัญหาได้ ที่วัดจากแดง หากใครต้องการให้ไปเทศน์เรื่องไหน เรื่องอะไร ที่ไหนเมื่อไหร่ ก็นำองค์ความรู้นี้มาเทศน์ได้ทันที

 

การเป็นวัดที่มีคุณภาพ

“ถ้าหากวัดมีคุณภาพ ผู้คน ก็สนใจ ถ้าวัดไม่มีคุณภาพ คนก็เย้ยหยันว่าวัดนี้ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ทำเพื่อพุทธพาณิชย์”

ผู้คนเขาเข้ามาที่วัดเที่ยวเดียว แค่มาไหว้พระพุทธรูปทีเดียวแล้วก็กลับไม่มาอีกเลย แต่ที่วัดจากแดงนี่ โดยมากญาติโยมที่เข้ามาแล้ว ก็จะกลับเข้ามาอีก เข้ามาทำอะไร มาเห็นมีการสวดมนต์ทุกวัน ก็กลับมาสวดมนต์เรื่อยๆ มีการเทศน์ มีการเรียนบาลี เรียนธรรมะ ฟรี เรียนภาษาพม่าก็มีเปิดสอน มีการฝึกปฏิบัติธรรม ต้องการมาไหว้พระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็มี หรือมาศูนย์เรียนรู้การคัดแยกขยะ มาร่วมเป็นจิตอาสาทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งที่วัดได้จัดกิจกรรมเหล่านี้ไว้ตลอดเวลา เมื่อได้เข้ามาเห็นแล้วว่ามีกิจกรรมกันอยู่ตลอดอย่างนี้ ก็จะกลับมาอีก เรียกว่า เป็นกิจกรรมที่ทำแล้ว เกิดความยั่งยืน

 

วัดที่พัฒนาตนเอง

“หากถามว่าทำอย่างไรถึงสอนได้อย่างนี้ คำตอบก็คือ เมื่อได้หลักการ วิธีการสอนต่างๆ แล้ว จะต้องมีแรงบันดาลใจ ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา”

หาความรู้อยู่ทุกวัน ใฝ่เรียนใฝ่รู้อยู่ทุกวัน พัฒนาตนเองอยู่ทุกวัน หาข้อมูลข่าวสารอยู่ทุกวัน พระไตรปิฎกก็อ่าน เหตุการณ์บ้านเมืองก็ศึกษา และพัฒนาวิธีการแก้ไข ก่อนที่จะมาพูดแต่ละเรื่องๆ คือ ใช้เวลาหาความรู้อย่างจริงจัง ๒๐ กว่าปี หลังจากนั้นก็มาดูปัญหาสังคมและวิธีการเผยแผ่ วิธีการถ่ายทอดต่างๆ ที่มีอย่างหลากหลาย เอาเป็นว่า ธรรมะก็ต้องรู้ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมก็ต้องรู้ และรู้วิธีการแก้ไขก็รู้ครบองค์ เมื่อครบองค์อย่างนี้แล้ว เทศน์เรื่องอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่จะทำได้ทันที

 

กรณีศึกษาพุทธศาสนาในไต้หวัน

ปัจจุบัน วัดจากแดง มีคณะทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย อย่างเป็นรูปประธรรมมากขึ้น และขยายเครือข่ายสู่วัดต่างๆ ในอาณาบริเวณใกล้เคียง เป็นกระบอกเสียงในการสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ข่าวสาร สถานการณ์ในชุมชน ให้กับชุมชนได้อย่างดี ที่ไต้หวันเป็นตัวอย่างได้ดีทีเดียว

“เพราะเมื่อก่อนที่ไต้หวัน พระก็อยู่เฉยๆ ไม่เผยแพร่ธรรมะ ไม่เทศน์ ไม่บรรยาย ไม่ทำอะไร”

ประชากรจากที่เคยถือพุทธจาก ๘๐% ลดลงเหลืออยู่เพียง ๒๐% จึงเกิดกลุ่มธรรมทายาทของไต้หวันมาร่วมกันแก้ปัญหา กว่า ๒๐,๐๐๐ รูป โดยมีการแบ่งเป็น ๔ กลุ่มใหญ่ 1.กลุ่มเรียนก็เรียนเต็มที่ 2.กลุ่มปฏิบัติก็ปฏิบัติเต็มที่ 3.กลุ่มเผยแผ่คือทำงานเผยแผ่เต็มที่ และกลุ่มสังคมสงเคราะห์ก็ทำหน้าที่เป็นนักสังคมสงเคราะห์อย่างเต็มที่

จากวัดที่ไม่มีคนเข้า โรงเรียนวัดที่ไม่มีใครไปเรียน พระธรรมทายาทไต้หวันสองหมื่นรูปรุ่นนี้ ได้ช่วยกันศึกษา ช่วยกันปฏิบัติ ช่วยกันเผยแผ่ และช่วยเหลือสังคม จึงสามารถพลิกฟื้นพุทธศาสนาในไต้หวันได้ภายในเวลา ๒๐ ปี ดังนั้นหากพระธรรมทายาทสามารถสร้างพระที่มีคุณภาพแบบนี้ขึ้นมา และจะช่วยเผยแพร่ศาสนาได้เหมือนกันกับที่เกิดขึ้นในไต้หวัน

 

พระในประเทศไทย

เมื่อมาดูพระของไทยเรามีพระอยู่ ๒ แสนกว่ารูป ขอเพียง ๕๐,๐๐๐ รูป ได้มาเข้าโครงการเรียนรู้นี้จริงๆ ก็ออกไปเผยแพร่ธรรมะได้จริงๆ คาดว่าเพียงไม่ถึง 10 ปี ชาวพุทธไทยก็จะได้ประโยชน์ ประเทศชาติเข้มแข็ง

 

วัดวิถีพุทธ

โครงการ วัดวิถีพุทธ วัดจากแดงมีการเรียนการสอนตามพระไตรปิฎก เรียกว่าเป็นวัดวิถีพุทธ มีการอบรมนักเรียน ไม่เป็นพุทธพาณิชย์ เน้นเรื่องการให้ธรรมะ มีการเทศน์ มีการสอน การบรรยาย การอบรม เน้นให้เกิดปัญญาจริงๆ ญาติโยมที่ได้เข้ามาฟังเทศน์ ฟังธรรม ก็มีศรัทธา เข้าวัดกันมากขึ้น

“ทางวัดไม่มีเรื่องเกี่ยวกับพุทธพาณิชย์ หรือไม่มีเครื่องรางของขลัง ไม่มีปลุกเสก”

ดังนั้นญาติโยมเข้ามาที่วัดจากแดง จะได้รับแต่เรื่องธรรมะจากการฟังเทศน์ทุกวัน ได้สวดมนต์ทุกวัน ได้เรียนธรรมะทุกวัน ใครใคร่เรียนเรียน ใครใคร่ฟังเทศน์ก็ได้ฟัง ใครชอบฝึกปฏิบัติ ก็ได้ปฏิบัติ ต้องการมาไหว้พระก็มีให้ ต้องการทำบุญก็มีให้ทำบุญ ดังนั้นในเชิงพุทธพาณิชย์ ที่วัดจากแดงนี้จะไม่มี อันนี้คือลักษณะเด่นชัดของการเป็นวัดวิถีพุทธ พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ในปริยัติเป็นอย่างไร ปฏิบัติเป็นอย่างไร แล้วก็ปฏิเวธเป็นอย่างไร ก็คือสอนตาม ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ตามที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ ที่วัดก็ดำเนินตามแนวนั้น ตามพระไตรปิฎก

 

วัดพัฒนาสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน

“วัดจากแดงมีโครงการพัฒนาเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยมีจุดเด่นตรงที่เป็นกิจกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจรจริงๆ แก้ปัญหาได้จริงๆ”

ทางวัดเริ่มจากการคัดแยกนำขยะเศษอาหาร มาผลิตเป็นปุ๋ยหมักแจกจ่ายให้กับชาวชุมชนโดยรอบนำไปใช้เป็นปุ๋ญ ส่วนพลาสติก ก็นำมาผลิตเป็น น้ำมันรีไซเคิลจากถุงพลาสติก ไม่ว่าจะเป็น ถุงแกง ถุงขยะเปียกๆ เก่า ๆ ก็เอาไปทำน้ำมันได้หมด แม้ว่าในเชิงอุตสาหกรรมจะยังไม่ไปถึงขั้นนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำ ตอนนี้ทางวัดจากแดงก็เล็งนำเครื่องรีไซเคิลขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพจากญี่ปุ่น เพื่อมาทำให้เป็นระดับอุตสาหกรรมน้ำมันรีไซเคิล นำเสนอให้ญาติโยมได้ดูได้เห็น นอกจากนี้ก็ยังมีการรีไซเคิลขยะขวดน้ำพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ เครื่องนุ่งห่ม วัสดุปูพื้นผนัง ได้อีกด้วย

“แนวคิดเรื่องการรีไซเคิลของวัดจากแดง มาจากเรื่องราวของ “ผ้าบังสุกุล”

ในยุคสมัยของพระพุทธองค์ก็ได้นำผ้าบังสุกุลมาซัก มาย้อมและเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่ม นั่นคือการรีไซเคิลในยุคนั้น เทคโนโลยีนี้มีมาเป็นพันๆ ปีแล้ว ขอแต่เพียงเราต้องทำให้ผู้คนได้เกิดปัญญา ได้รู้ ได้ตระหนักถึงการนำภูมิปัญญาเหล่านี้กลับมาใช้มาปฏิบัติ ก็จะได้กำลังของผู้ที่รู้มากขึ้น มาช่วยกันแก้ปัญหาขยะล้นโลกได้

 

รางวัลต้นแบบในการพัฒนาบุคลากร

พระมหาประนอม เป็นพระนักพัฒนาที่มีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการขับเคลื่อนพระพุทธศาสนา สู่ธรรมทายาทอีกหลายรุ่น จนสำเร็จ จนได้รับรางวัลต้นแบบในการพัฒนาบุคลากร และยังทำให้วัดจากแดงแห่งนี้ ได้รับรางวัล วัดพัฒนาตัวอย่าง ทั้งหมดนี้ คือ หัวใจของพระธรรมทายาท ต้นแบบ

 

ปัญหาของวัดจากแดง วันนี้ (พ.ศ.๒๕๖๑)

“ตอนนี้ที่วัดประสบปัญหาสถานที่เรียน อาคารเรียนไม่เพียงพอกับพระที่เดินทางเข้ามาเรียนที่นี่จำนวนมาก”

โดยเฉพาะพระจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพระที่อยู่ในย่านอาเซียน พระจากทางยุโรปก็มีมา แต่ที่พักอาศัยยังไม่พอ ทางวัดต้องเตรียมสถานที่ให้สะดวกเพียงพอ เพื่อรองรับพระจากทั่วโลกเข้ามาศึกษาที่นี่

การพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ และการศึกษาดูงาน จะช่วยยกระดับ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ นี่คือหัวใจแห่งการพัฒนา จากโครงการพระธรรมทายาทในอดีต ได้พัฒนาพระนักเทศน์ทั่วประเทศ และพระมหาประนอม ธัมมาลังกาโร คือหนึ่งในพระธรรมทายาท ที่เป็นต้นบุญต้นแบบ ให้กับพระธรรมทายาท เพื่อสานต่อแนวทางคำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อสันติสุขของโลก

ประวัติพระมหาประนอม

 


การอ้างอิง:

  • สถานีวิทยุโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติฯ. (2561). พระธรรมทายาทต้นแบบ : พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ. เข้าถึงได้จาก https://youtu.be/lH2JKDNrCPQ

ติดตาม วัดยานนาวา:


โพสที่เกี่ยวข้องกับ พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร:

การอ้างอิง:

ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2561, 16 ธันวาคม). พระธรรมทายาทต้นแบบ : พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ [วีดีโอ]. YouTube. https://youtu.be/lH2JKDNrCPQ

พระธรรมทายาทต้นแบบ พระมหาประนอม ธมฺมาลงฺกาโร วัดจากแดง